โพสต์ Thank You

แสดงโพสต์ที่เกี่ยวข้องกับ Thank-O-Matic. จะแสดง ข้อความที่ คุณให้ Thank You ไปยังผู้ใช้อื่น ๆ.


Messages - roomautoparts

ลองพิมพ์โคดแจ้งขอราคาตามช่องทางการสั่งซื้อดูนะครับ ราคา + ค่าส่งถูกกว่า ของถึงไวมากๆ อยู่ประจวบฯ สั่งวันนี้พรุ่งนี้รับของ เจ้าของเป็นช่าง volvo ให้คำแนะนำดีมากๆ ครับ

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

GPS สเปซวากอนแบตบวมจนฝาหลังปริ(ตัวนี้จะต่อเสียบเก็บไว้ที่เกะ) เปิดใช้งานได้ตามปกติ ได้โทรเช็คกับศูนย์มิตซูออโต้ซิตี้ ศรีนครินทร์ สรุปแนะนำให้ถอดตัวเครื่องมาเปลี่ยนแบตได้ใหม่ที่ ศูนย์ M-Tech Audio ก่อนถึงอ่อนนุช 25(วัดทองใน) ซึ่งจะเป็นศูนย์ที่ดูแลเกี่ยวกับ Alpine โดยตรงครับ ถ้าเราผ่านศูนย์มิตซู ทางศูนย์ก็จะมาส่งที่เดียวกันอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องราคาแบตอยู่ที่ 963.- อัพเดทซอฟแวร์ 900.- และรับประกัน 90 วันครับ ***ปล.ราคานี้รวม vat ออกบิลในนามบริษัทนะครับ, หรือหากนำไปเปลี่ยนแต่แบตที่ร้านอมรจะอยู่ที่ 250.- ครับ***




Space Wagon, 2.4 Mivec, GPS Alpine, เครื่องเสียง Alpine, วิทยุติดรถยนต์, วิทยุแอลพาย, แบตเสื่อม, แบตเตอร์รี่บวม, ใช้งานไม่ได้, ชาร์จไฟไม่เข้า, ฟิวส์ที่จุดบุหรี่ขาด, เปิดเครื่องไม่ได้, เปลี่ยนแบต, ราคาแบต, ซื้อที่ไหน, แนะนำร้านซ่อม, ศูนย์มิตซู, ร้านข้างนอก, ศูนย์เอ็มเทค ออดิโอ, เอ็มเทคอ่อนนุช, M-Tech On-Nut

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

หลายๆ คนก็คงจะเคยใฝ่ฝันเหมือนกันว่าถ้าได้รถ body ใหญ่ๆ หรูๆ อย่าง a31, e36, w201, 960 แล้วได้เครื่องแรงๆ อย่าง 1-2 jz turbo มาวางด้วยแล้วมันจะดึง แรงขนาดไหน? ยิ่งเห็นห้องเครื่องสวยๆ มันวาวโล่งๆ สีสันโดนใจ อินเตอร์เท่ๆ turbo ลูกใหญ่ๆ เสียงเพราะๆ ด้วยแล้ว ถ้าได้มีโอกาสต้องจับจองมาเป็นของเราให้ได้อย่างแน่นอน บางคนขอแค่ vvti หรือตัวธรรมดาก็ได้ไม่ต้องถึงขั้น turbo ก็ ok แล้ว ให้ได้ขึ้นชื่อว่า jz ก็เพียงพอ บวกกับรถมือสองวางเครื่องติดแก๊สในท้องตลาดมีให้เลือกเพียบ ราคาสุดเร้าสามารถเอื้อมจับกันได้ในราคาหลักหมื่น หลักแสน แต่จะมีใครบอกเหตุผลที่ขายรถเพราะปัญหาที่ว่า "ไม่จบ" บ้างคงไม่มี ส่วนใหญ่เราจะได้ยินคำคุ้นหู เช่น รถพร้อมใช้ขับมันส์ แรงประหยัดบ้าง ทำมาจบหมดแล้วบ้าง เพิ่งวางเครื่องมาสดใหม่ได้ไม่กี่เดือนแล้วบ้าง แล้วก็อีกหลายๆ เหตุผลเพื่อให้รถขายได้หมดปัญหาจากเรา คนซื้อรับภาระต่อไปแทน

ผมเลยลองเอาข้อมูลอีกด้านของคนที่พูดคุยกันในหลายๆ คลับ ทั้งจากช่างที่วาง คนที่ใช้งาน ข้อคิดจากเซียนแต่งรถ รวมถึงประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสมาเพื่อรวบรวม "ปัญหาที่เจอมาเหมือนๆ กันหลังจากผ่านจุดนั้นมาแล้ว" ที่คนมักจะไม่ค่อยได้มาพูดถึงกัน ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนทั้งเก่า และเข้ามาใหม่ที่ยังเล่นอยู่สอบถามปัญหาทั่วไปตามปกติ ผมสรุปสั้นๆ มาให้ได้ดูเป็นแนวทางกันครับ

ข้อเสีย :
- อู่/ช่าง ---> ช่างไม่มีประสบการณ์ ประวัติไม่ดี ดูเครื่องไม่เป็น ของไม่ครบไม่ตรง ส่งงานต่อ งานแก้ตามตัวยาก(ไม่ได้ตังค์) ทำไม่จบ งานงอก งบบาน ***ส่วนใหญ่ช่างที่สนิทที่ไว้ใจมักทำพิษ***
- เครื่อง ---> วายสายมาไม่ครบ ไม่ทราบอาการเสีย ปัญหากล่อง ecu ขึ้นฟ้องโคดแก้ไม่หาย ระบบเดิมใช้งานไม่ได้ รวน สตาร์ทยาก ห้องเครื่องแน่น ระบายอากาศไม่ดี ปาดแคร้งหลบฐาน ความร้อนขึ้น มาตรวัดเพี้ยน ชาร์ปละลาย ถ้าติดแก๊สมาพร้อมแก้ปัญหายิ่งยาก แก้ 1 จุด หมดเงินไป 10 จุดก็มี บางเคสถึงขั้นขายรถทิ้งไปเลยก็มีให้เห็น
- แอร์ ---> เปิดแอร์รอบตก ดึงเครื่อง ตู้แอร์ไม่ได้เปลี่ยน แอร์ไม่ตัด คอมไม่ทำงาน ไม่ล้างระบบแอร์น้ำมันดำคอมพังเปลี่ยนคอมบ่อย
- เกียร์ --->แท่นเกียร์ทรุด ตำแหน่งไม่ตรง กระตุก เกียร์ไม่เข้า-ไม่เปลี่ยน
- ช่วงล่าง ---> หน้าหนักยางแท่นเครื่องบูชลูกหมากไปไว หน้ายางกว้าง+โช๊คนิ่มไป เบรคไม่พอเอาไม่อยู่ เฟืองท้ายไม่แมตกินน้ำมัน ออกตัวอืดปลายไม่ไหล ท่ออั้นวิ่งไม่ออกท่อโล่งดังไป ตัดต่อเพลากลางไม่บาลานซ์ ไม่ได้เซ็นเตอร์ สั่นสะท้าน หอน ยางตุ๊กตาขาด ยอยแตก ตัวถังล้าบิดเสียทรง

ข้อดี :
- ถ้าได้อู่ดี ประวัติ ok (หายาก) งานละเอียด ทำจบในที่เดียว ประกัน รับเคลม ใช้งานยาว ร้านซ่อมรองรับมีเพียบ
- เลือก body รถได้ตามใจชอบทั้ง benz bmw volvo ฯลฯ ไม่ต้องจ่ายแพงก็ขับได้เหมือนกัน
- ถ้าได้เครื่องสดใหม่ วิ่งน้อย สภาพดีวาง เปลี่ยนของภายใน (ซีล หัวเทียน timing สายพาน ลูกรอก ไส้กรอง ของเหลว) วายสายครบ แก้โช๊ค สปริง เบรค เฟืองท้าย ตัดต่อเพลา ตั้งศูนย์มาดี ไอดีไอเสีย หม้อน้ำเก็บมาหมดทำแล้วจบ บอกได้คำเดียวสั้นๆ ว่า "ใช้ลืม" ครับ
- อัตราเร่งแซง วิ่งทางใกล้-ไกลดี เบา ทน นิ่ง เงียบ ติดแก๊สประหยัด ดูแลง่าย อะไหล่มีเยอะ ราคาไม่แพง
- ถ้าได้ต่อยอดแต่งเครื่อง เปลี่ยนท่อ เก็บสาย ย้ายแบต สีสันสะดุดตา สวยๆ โล่งๆ เอามาโชว์กันได้เลยครับ ไม่มีอายเพื่อนแน่นอน ยกให้เราเป็นไอดอลเลยก็มี
- ร้าน อู่ สำนักแต่ง คลับรถ ได้โชว์ผลงานดึงคนเข้ามา มีงานซ่อม วาง ปรับแต่ง แก้ จัด meeting ขายอะไหล่ ของที่ระลึกได้

     "ความเห็นส่วนตัวจากที่เคยใช้ volvo วางทั้ง 1-2j และ volvo เครื่องเดิมๆ มาเกือบ 10 ปี ถ้าพูดตรงๆ ผมว่าเครื่องเดิม (overhaul) ok กว่าเยอะครับ ที่เห็นชัดสุดคือทน จบ ใช้งานนาน คุ้มค่า ปัญหาน้อยกว่า อาจจะวิ่งไม่ปรู๊ดปร๊าดเท่าแต่ไม่ต้องมากังวลเรื่องระบบไฟ วายสาย กล่อง รอบ แอร์ ความร้อน เกียร์ เฟืองท้าย เพลา ไมล์ งานดัดแปลงทั้งหลายแหล่ และอื่นๆ อีกเพียบ แต่ถ้าถามว่าคนที่ทำแล้วจบมีไหม "มีแน่นอน" ครับแต่ส่วนน้อย คนที่ทำแล้วจบกว่าจะสมบูรณ์ต้องลองผิดลองถูกผมบอกได้เลยว่าหมดไปไม่น้อย(ต้องมีเวลาเยอะ ซ่อมรถเป็นงานอดิเรก เงินถึง) และที่บอกว่าสมบูรณ์ บอกเลยครับได้แค่ 80% เท่านั้น ให้จำไว้เสมอว่ารถดัดแปลงไม่มีอะไร 100% เหมือนออกมาจากโรงงานอย่างแน่นอน พอใช้ๆ ไปมีปัญหาเข้ามาให้แก้ตลอด พอรำคาญเริ่มเบื่อรถหมดสภาพก็ขายทิ้ง กลับมาใช้รถเครื่องเดิมๆ ตรงรุ่น ดังนั้นคนที่พอจะมีเงินก็อยากจะซื้อรถที่วางเครื่องมาใช้ หรือซื้อรถมาวางเครื่องเอง "อยากให้เหมือนคันที่สมบูรณ์เหมือนที่เขาเอามาโชว์ๆ กัน (ตามกระแส)" แต่ในความเป็นจริง "ไม่ใช่" ไม่เป็นอย่างที่คิดพอใช้ๆ ไปเริ่มรู้แจ้งเห็นจริง รถวางเครื่องในเว็บขายทิ้งแทบทุกวัน ซึ่งรถที่มาปล่อยขายย่อมรู้ดีถึงปัญหาอยู่แล้วตอนขายไม่มีใครมาบอกกันหรอกครับ ขายได้หันกลับไปใช้รถเดิมๆ หรือไม่ก็ออกใหม่ ส่วนคนที่เก็บไว้ยังโชว์เรียกแขกได้อยู่ รับงานวาง-ซ่อม-แก้ ขายอะไหล่ได้เรื่อยๆ ตามประสา "คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า" ครับ

     คนที่ยังเล่นรถอยู่มีเพื่อนสนใจศึกษาอยากเล่นบ้างก็จะบอกแต่ด้านดีอย่างเดียว(ต้องการโชว์) ไม่ได้บอกปัญหาที่ตัวเองเจอทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอก ถึงกับมองหน้ากันไม่ติดเลยก็มี ส่วนคนที่เคยผ่านมาแล้วก็บอกทุกเม็ดแบบไม่มีกั๊ก แค่มองตาก็รู้ว่าคิดอะไร เนื่องจากผ่านประสบการณ์มาเยอะ เจอมาเยอะ โดนมาเยอะ ซื้อรถแน่นอนไม่วางเครื่อง ไม่ติดแก๊ส ไมล์ไม่เยอะ(ไมล์เยอะแต่ดูแลถึงก็ ok ครับ) ยิ่งมือแรกได้ยิ่งดี ดูรถเป็นเช็ครถได้จะแนะนำเราได้เป็นอย่างดีครับ อีกทั้งในชีวิตประจำวันคงไม่มีใครอยากมาใช้รถไปซ่อมไป ไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี "เจ็บแต่จบ ดีกว่าเจ็บเรื่อยๆ" ครับ เทคนิคซื้อรถให้ดูรุ่นรถที่เราชอบแล้วมั่นเข้าดูหน้าเว็บทุกวันผมบอกได้เลยว่าเจอคันที่ใช่แน่นอน ราคาไม่แพง ใช้กันยาวๆ ได้เลยครับ แต่ของดีราคาถูกจะอยู่ไม่นานปิดการขายไว ดังนั้นการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าใช่นัดดูรถวางมัดจำเลยครับ จบกว่าวางเครื่องต่างสัญชาติแน่นอนครับ"





เตรียมตัวก่อนวางเครื่อง, วางเครื่องข้ามตระกูลรถ, วางเครื่องข้ามสัญชาติ, ปัญหาเครื่อง jz uz sr rb, วาง j ไม่จบ, วางเครื่องไม่จบ, ทำแล้วไม่จบ, วายสายไม่ครบ, ไมล์ใช้งานไม่ได้, ไมล์ความเร็วไม่ตรง, เปิดแอร์รอบตก, แอร์ไม่ตัดคอมไม่ทำงาน, ฟ้องโค๊ด, ความร้อนขึ้น, เบรคไม่พอเอาไม่อยู่, โช็คนิ่มไป, ออกตัวอืด ปลายไม่ไหล, ท่ออั้นวิ่งไม่ออก, ท่อดังโล่งไป, ระบบไฟใช้งานไม่ครบ, ข้อคิดก่อนเปลี่ยนเครื่อง, ความแรงที่ต้องเข้าอู่บ่อย, จบที่ขายทิ้ง

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

สืบเนื่องจากวันที่ 28 พ.ค. 59 ได้นำรถเข้าไป ตรอ.กษิรา แถวพัฒนาการ เพื่อตรวจสภาพต่อ พรบ. ภาษีปี 60 ปกติถ้าต่อเสร็จแล้วน้องเขาจะเอาเล่มมาส่งให้ที่ออฟฟิศครับ วันที่ 31 พ.ค. ผ่านไปแถวนั้นพอดีแวะรับเล่มน้องที่ ตรอ. แจ้งว่าต้องมีใบตรวจถังแก๊สรับรองจากวิศวกรด้วย(ตรวจทุก 5 ปี) ให้ไปตรวจที่ ตรอ. lpg ngv กลับมาถึงบ้าน โทรเช็คที่อะติกเกอร์พัฒนาการที่เคยเปลี่ยนหม้อต้ม วาล์ว ท่อยางว่าขอใบรับรองถังแก๊สได้ไหม ทางอะติกเกอร์แจ้งว่าต้องติดตั้งถังแก๊สจากอะติกเกอร์เท่านั้นจึงจะออกใบวิศวกรให้ได้ จึงได้โทรกลับไปที่ ตรอ.กษิรา เพื่อขอคำแนะร้านที่รับตรวจ plg ทางร้านแนะนำร้าน พีพี ออโต้แก๊ส อยู่ปากซอยพัฒนาการ 19 จึงได้โทรเข้าไปที่ร้านทางร้านแจ้งว่าค่าตรวจ+ออกใบวิศวกรอยู่ที่ 700.-

วันที่ 4 มิ.ย. ได้นำรถไปที่ พีพี ออโต้แก๊ส ตรวจสภาพพบว่า ตัวถังแก๊สผลิตเมื่อเดือน 4 ปี 06 ปัจจุบันอายุถังเกิน 10 ปีแล้ว และถังเป็นวาล์วแบบรุ่นเก่าขนส่งไม่อนุญาตให้นำมาใช้งานในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นอันตรายไม่มีระบบตัดแก๊สอัตโนมัติเมื่อแก๊สรั่ว ทางร้านแจ้งว่าต้องเปลี่ยนถังแก๊สเป็นไซส์เดิมวาล์วรุ่นปัจจุบัน แนะนำ Magnate 64 ลิตร + ติดตั้งประกัน 1 ปี + เติมแก๊สให้ 200 + ใบรับรองวิศวกร = 7,000.- รูดบัตรได้ไม่มีชาร์จ ได้พูดคุยกับลุงที่มาเปลี่ยนถังแก๊สที่ร้านเหมือนกัน ของลุงเป็นกระบะตอนเดียววาง SR เปลี่ยนถังแก๊ส(54 ลิตร) ใต้ท้องรถ ของลุงถัง 8 ปีได้ครับ แต่ต้องเปลี่ยนใหม่เพราะวาล์วเป็นรุ่นเก่า ลุงแกอยู่วัดปากบ่อ ผมอยู่อ่อนนุช 31/1 แกบอกว่าไล่ขับมอเตอร์ไซค์เช็คราคาเส้นอ่อนนุช ศรีนครินทร์ และพัฒนาการราคาอยู่ที่หมื่นหนึ่ง ร้านพีพีถูกสุดอยู่ที่ 6,000.- ครับ สรุปผมก็ทำกับที่ร้านจนเสร็จ นำชุดใบรับรองวิศวกรที่ได้ไปให้ที่ ตรอ.กษิรา เพื่อต่อภาษี แต่ยังไม่จบแค่ต่อภาษีนะครับ ยังต้องมอบอำนาจให้ ตรอ.กษิรา แจ้งขนส่งเปลี่ยนถังลงเล่มอีกสเต็ปเพิ่มอีก 2,500.- + เติมแก๊สเพิ่มอีก 450.- จบงานนี้หมดไป 9,950.-

หมายเหตุ ***คลิกที่ภาพเพื่อขยาย***
- ถังแก๊สที่ครบกำหนดอายุจะมีแก๊สค้างในถังไม่สามารถปล่อยออกได้ตามปกติโดยทั่วไป ร้านรับซื้อของเก่าไม่รับซื้อ บริษัทที่ผลิตถังก็ไม่รับซื้อเช่นกัน ทำให้ถังแก๊สที่ถอดออกไว้ที่ร้านมีเป็นจำนวนมาก และยังหาทางกำจัดยังไม่ได้ในปัจจุบัน บอกช่างแล้วไม่เอากลับไปรูดบัตรแป๊ปเดียวกลับมาเอารถพอขับถึงบ้านดันมีมาอีกถังต้องหาที่กำจัดอีกแล้วเรา
- เคสนี้เป็น volvo 240 1j ใช้แก๊สอย่างเดียวหลังจากช่างเปลี่ยนถังใหม่แล้ว ช่างจะเอาถังแก๊สเดิมของเราใส่หลังรถย้ายท่อจ่ายแก๊สมายังถังเก่า(ผมเติมไว้เต็มถังใช้ไปนิดเดียวเสียดายมาก) เพื่อให้สามารถขับไปเติมแก๊สถังใหม่ได้ก่อนครับ
- ถังใหม่ในเคสนี้ผลิตเดือน 11 ปี 2014 ปกติแล้วต้องเป็นปีปัจจุบันนะครับคือปี 2016 แต่เนื่องจากถังไซส์นี้ไม่ค่อยมีผลิตขายตามท้องตลาด สามารถเช็คกับที่ชุดเอกสารรับรองวิศวกรได้ครับซึ่งจะเป็นปีปัจจุบัน
- หลังจากเปลี่ยนถังแก๊สใหม่แล้วทางร้านจะเติมแก๊สให้แค่ 200.- เกจวัดระดับแก๊สที่หน้าปัทม์จะขึ้นขีดแดงยังสามารถขับต่อได้ประมาณ 50-60 โล เราต้องมาเติมแก๊สเพิ่มเต็มถังเกจวัดระดับแก๊สจะขึ้นมาปกติครับ
- เคสนี้ทำให้รู้ว่าตอนซื้อรถติดแก๊สต้องตรวจถังแก๊สผู้ขายด้วยว่าอายุถังปีไหน วาล์วรุ่นใหม่หรือเปล่า ลงเล่มยัง ภาษีขาดไหม ไม่งั้นอาจมีปัญหาตามมาได้ครับ




ตรวจสภาพรถ, ตรอ. lpg ngv, ตรวจถังแก๊สทุก 5 ปี, 10 ปีต้องเปลี่ยนถังแก๊ส, ถังแก๊สหมดอายุ, อายุการใช้งานถังแก๊ส, วันผลิตถังแก๊ส, ทดสอบถังแก๊ส, วาล์วระบบเก่า, วาล์วระบบใหม่, ใบวิศวะ, ใบวิศวกร, ใบวิศวกรรม, แจ้งเปลี่ยนถังแก๊ส lpg ngv, ค่าธรรมเนียมแจ้งเปลี่ยนถังแก๊ส, แจ้งเปลี่ยนถังแก๊สขนส่ง test date, td

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

กระจกมองข้าง(ปรับไฟฟ้า) เฉพาะฝั่งคนขับตั้งแต่รับรถมาค่อนข้างขุ่น มัว เวลาขับมองไม่เห็นรถตามหลังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เช็คกับที่บางไผ่ต้องซื้อทั้งหูของเทียบไต้หวันอยู่ที่ 700.- ส่วนร้านรับตัดเลนส์กระจกโค้งตรงตามรุ่นอยู่ที่ 590.- ส่วนมือสองญี่ปุ่นขายเป็นคู่มาพร้อมหูอยู่ที่ 2,000.- หาร้านอะไหล่มือสองก็ไม่ตรงตามรุ่นไม่มีใกล้เคียงเลย ถ้าซื้อมาทั้งหูต้องมาทำสีอีก สรุปนำตัวอย่างเก่าไปที่ร้านพรชัยอ่อนนุชตัดให้ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ ตรงตามส่วนเว้าส่วนโค้งเดิมเป๊ะครับ(กระจกหน้าตรงหนา 3 มิล ของเก่าเลนส์โค้งหนา 2 มิล) ขัดขอบให้เสร็จพร้อมใช้งานหมดไป 80.- ติดตั้งเสร็จลองใช้งานดูผมว่าใช้งานได้ดีพอสมควร ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกได้เลยครับ

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5Q2_CXl0kAc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=5Q2_CXl0kAc</a>

     สืบเนื่องจากได้แบ่งห้องที่บ้านไว้สำหรับทำออฟฟิศซื้อขายอะไหล่รถยนต์ออนไลน์ เดินสายไฟรอไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่ ส.ค. 57 ช่วงระหว่างหาข้อมูลแอร์มาลง สิ่งแรกที่คิดไว้คือ คือ ต้องประหยัดให้ความสำคัญกับค่าไฟรายเดือนมากกว่าราคาแอร์(แต่ถ้าได้ดี ถูก คุ้มด้วยก็ชอบครับ), เหมาะกับพื้นที่ขนาด 24 ตรม., เปิดใช้งานได้นานต่อเนื่อง, คอมเพลสเซอร์สามารถตั้ง หรือแขวนผนังได้ต้องไม่โดนแดด+น้ำ และไม่ขวางทางเข้าที่จอดรถ ***ถ้าผนังเป็นอิฐบล็อกไม่แนะนำให้แขวนครับ เนื่องจากผนังกลวง อาจรับน้ำหนักไว้ไม่ไหว หรืออาจต้องเจาะมากขึ้น***

     ผมเลือกซื้อแอร์ให้ตรงกับการใช้งานในชีวิตประจำของตัวเราเองมากกว่าซื้อเพราะรีวิวตามกระทู้ต่างๆ เพราะเราไม่สามารถทราบได้ว่ากระทู้นี้เป็นการเขียนอวยเชียร์กันเอง ขายของ จ้างมาเขียน หรือเป็นของคู่แข่งเขียนโจมตีอีกฝ่าย หรือตรงจากผู้ใช้จริงๆ เลยกันแน่ เป็นต้น ดังนั้นหาข้อมูลเลือกอย่างมีสติดีที่สุดครับ เพราะปัญหาของแอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ปัญหาจากการตรวจ QC 5%, ล้างแอร์ ซ่อมเปลี่ยนอะไหล่จากช่างศูนย์ที่ซื้อโดยตรงหรือไม่ 10%, ตำแหน่งที่วาง ติดตั้ง พื้นที่บริเวณโดยรอบ 15%, การใช้งาน+การดูแลรักษา 20%, และอีกจุดที่สำคัญมากๆ คือ ประสบการณ์+ความละเอียดของช่างผู้ติดตั้ง 50% ถือเป็นหัวใจเลยก็ว่าได้ ถ้าเราเจอช่างดีมีชัยไปแล้วกว่าครึ่ง ถ้าเจอช่างไม่ดี ต่อให้แอร์ดีแค่ไหน มันก็คือเศษชิ้นส่วนแอร์ดีๆ นี่เองครับ บางทียังต้องลุ้นเลยครับว่าเราจะดวงดีไหม ถ้าโชคดีก็ถือว่าเป็นบุญเรา หรือถ้าโชคร้ายก็ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมเราไป ช่างหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นเยอะ แต่ช่างที่มีประสบการณ์ ผ่านปัญหามาเยอะ ใส่ใจรายละเอียดบอกได้เลยครับว่าน้อย ดังนั้นกระทู้ไหนเขียนไม่ดีอย่างโน้นไม่ดีอย่างนี้ อันนี้ดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ ผมอ่านครับแต่ครึ่งๆ สุดท้ายผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง

     ทุกยี่ห้อก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย คุณสมบัติแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าการใช้งานของเราเป็นแบบไหน ต้องการอะไรบ้างเท่านั้นเอง สำหรับออฟฟิศผมที่ติดตั้งจะเน้นทำงาน ฟิตเนสบ้าง รับแขกบ้าง นอนเล่นพักผ่อนดูหนังบ้าง ดังนั้นค่าประหยัดไฟ(SEER) เมื่อเทียบกับขนาดตัว 18,000 BTU ถือว่า ok เลยครับกับค่าไฟรายเดือนที่ต้องจ่ายเอง สุดท้ายมาลงเอยที่ LG Deluxe Inverter V ทำจองไว้เมื่อ เม.ย. 58 ติดตั้ง 11 เม.ย. 59 ตอนติดตั้งนัดบ่าย 3 เลื่อนเป็น 5 โมงเย็น และขอเลื่อนอีกเป็นทุ่มครึ่ง ในใจคิดว่าสงสัยดวงไม่ดีแน่เรา มาจริงสองทุ่มครึ่ง ติดตั้งจริงชั่วโมงครึ่งเสร็จครับ งานออกมาค่อนข้างดี(ใจผมเริ่มเย็น) หลังพูดคุยเลยเข้าใจช่างเขาติดปัญหาหน้างานจริงผมก็ทำงานบริการเหมือนกันจุดนี้พอรับได้ครับไม่ว่ากัน หลังจากติดตั้งเสร็จสิ่งแรกที่สัมผัสได้ คือ ความเงียบ เสียงหายใจผมยังได้ยินชัดกว่าอีกครับ เย็นเร็ว ส่วนคอมแอร์ทำงานเบามาก โดยรวมผ่านครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ลองไปหาอ่านกันเอาเองนะครับ ตัวนี้พร้อมติดตั้ง ประกันงานหลังติดตั้ง 1 ปี คอลย์เย็น 3 ปี คอมแอร์ 10 ปี ฟรีคูปองล้างแอร์ จบอยู่ที่ 26,900.-(หน้างานเพิ่มข้องอ 100+ให้พิเศษเด็ก 400) ครับ (ได้เงินคืนอีก 500 + 0% 10 เดือน จาก SCB เพิ่มมาให้อีกครับ) สำหรับผมแอร์ใช้เกิน 7-10 ปีก็ถือว่าคุ้มแล้วครับ อย่าลืมนะครับแอร์เปิดประจำ ยิ่งใช้งานมานาน ชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบใกล้เสื่อม ค่า SEER จะลดต่ำลงเรื่อยๆ ผลคือกินไฟ ได้เวลาเปลี่ยนตัวใหม่กินกระแสไฟต่ำกว่า ประหยัดค่าไฟได้มากกว่ากัน แถมมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ได้ทดลองใช้กันด้วยครับ

     สรุปแอร์ที่ผมซื้อจะเน้นประหยัดค่าไฟที่ต้องจ่ายรายเดือนเป็นสำคัญครับเพราะใช้งานเองภายในครอบครัว จะเน้นค่า SEER สูงไว้ก่อน(นอกเหนือจากประหยัดไฟเบอร์ 5 และเป็น Inverter แล้ว) จุดติดตั้งแอร์ วางคอมฯ ถ้าให้ดีต้องไม่โดนแดด โดนน้ำเลยดีที่สุด ดูแลรักษาเข้าถึงง่าย ส่วนช่างที่มาติดตั้งต้องไปลุ้น+คุมหน้างานกันเอาเองนะครับ ถ้าหน้างานไม่ยากชั่วโมงครึ่งก็เสร็จแล้วครับ แต่ถ้าเจอหน้างานยากก็แล้วแต่เคสครับ เพราะช่างโมเดิร์นแอร์เลือกงานไม่ได้ครับเขาจัดมายังไงก็ต้องไปตามนั้น

หมายเหตุ ***คลิกที่ภาพเพื่อขยาย***
- วันที่ 13 เม.ย. 59 นัดช่างบ่าย 3 ครึ่่ง ขอเข้าจริงบ่าย 2 เป็นช่างทีมเดิมค่อยอุ่นใจหน่อยครับ ได้ติดตั้ง Panasonic Premium Inverter CS-U9SKT 9,000 BTU เพิ่มให้ห้องคุณพ่อด้วยเช่นกัน พื้นที่ 10 ตรม. เน้นประหยัด เปิดนานต่อเนื่องครับ การติดตั้งและรับประกันเหมือนข้างบน ยกเว้นคอมแอร์เหลือ 5 ปี ตัวนี้จบอยู่ที่ 16,900.-(หน้างานเพิ่มข้องอ ราง 400+ให้พิเศษเด็ก 100) ครับ

- ไฟบ้าน 15(45) แอมป์ : LG 18,000 BTU กินกระแส 6.8 แอมป์ ส่วน Panasonic 9,000 BTU กินกระแส 2.4 แอมป์ รวม = 9.2 แอมป์ ถ้าใช้งานเครื่องซักผ้า 2 ตู้เย็น 2 ทีวี 3 ปั๊มลม 1 ฯลฯ พร้อมกันสามารถใช้งานได้ปกติ ไฟไม่ตกครับ

- LG 18,000 BTU SEER 19 ค่าไฟ = 10,733.-/ปี(หรือ 894.-/เดือน), ส่วน Panasonic 9,000 BTU SEER 23.82 ค่าไฟ = 4,053.-/ปี(หรือ 338.-/เดือน) ***ให้สังเกตค่าประหยัดไฟ EER(แอร์ทั่วไป) หรือ SEER(แอร์อินเวอร์เตอร์) ค่ายิ่งสูงยิ่งดีทำให้ค่าไฟรายเดือนของเราต่ำลง ตัวนี้ผ่านการทดสอบเฉลี่ย 8-12 ชม./วันครับ***

- LG ตัวใหม่จะเป็น Dual Inverter ID18 ปี 2016 เปลี่ยน Body แต่ Function ทุกอย่างเหมือนเดิม ค่า SEER = 18 ต่ำจากของเดิมอยู่ 1 สรุป Body เดิมประหยัดกว่าครับ

- LG น้ำยาแอร์ R410A(หากรั่วซึมต้องไล่ระบบเติมใหม่เท่านั้น) ส่วน Panasonic น้ำยาแอร์ R32 ใหม่ล่าสุด(เติมส่วนที่ขาดได้เลยไม่ต้องไล่ระบบ) เพิ่งทราบเหมือนกันครับว่าถ้าติดตั้งแอร์ใหม่ไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์ ช่างจะแว็คคั่มส่วนท่อที่ต่อเพิ่มเข้ามาเท่านั้นก่อนปล่อยน้ำยาเข้าสู่ระบบ เนื่องจากน้ำยาจะอยู่ในระบบมาเลยครับ

- ได้ลองเช็คค่า SEER ของแอร์มิตซู อินเวอร์เตอร์ 9,000 BTU กับ 18,000 BTU สูงสุดอยู่ที่ 15 เท่านั้น ส่วนแอร์ไดกิ้นอยู่ที่ 22.75




LG, Deluxe, Inverter V, Voice Mate, Inverter V Technology, Active Energy Control, Plasmaster Lonizer, Plasmaster Skin Care, Auto Cleaning, Anti Bacterial Air Filter, Multi Protection Filter Powered by 3M Tech, Fresh Dry, Low Noise 19dB, Deep Sleep Mode, 1 Toutch Soft Air, Jet Cool, 4-Way Auto Swing, Quick & Easy Installation, Panasonic, i Auto, Intelligent Dynamic Cool, Econnavi, Nanoe-G

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

อีก 1 เคสเอามาให้ดูครับ เป็นของ 960 ตาใหญ่(ใส่ 940 ได้) จะใหญ่กว่า 740 ฮุกยึดมี 10 จุด(บน 5 ล่าง 5)

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=AO11iaR_AMM" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=AO11iaR_AMM</a>

ของเดิมกระจังหน้า 740 หน้าแว่นจะเป็นแบบโครเมี่ยม อยากจะได้แบบ Turbo มาใส่แต่ของก็หายากเหลือเกิน ราคาก็สูงกว่าของ 940 960 มากพอของมาก็จับไม่ทัน หลังจากที่รอมานานหลายปีก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของจนได้ แต่จะให้ใส่แบบเดิมๆ ก็กลัวจะมืดเกินไป ก็ต้องมีการย้ายกรอบเดิมมาใส่เพื่อให้ตัดขอบไม่ดูมืดจนเกินไป เพิ่มความดุดัน เกรงขาม แต่มีเสน่ห์นิดๆ ให้ต้องเหลียวมองขั้นตอนมีอะไรบ้างมาดูกันครับ

1. ถอดกระจังหน้าเดิมโครเมี่ยม มาเทียบกับกระจังหน้าใหม่ Turbo สังเกตุจุดยึดจะมี 6 จุด(บน 3 ล่าง 3) ลักษณะเหมือนฮุกมีแกนเสียบกลางยึดล็อค
2. นำกระจังหน้า Turbo หาผ้ารองวางแนวตั้งหันกระจังหน้าเข้าหาตัว เริ่มจากแถวบนจุดยึดมี 3 ตัว นำไขควง หรือประแจหกเหลี่ยมขนาดเท่ากับแกนตอกแกนฮุกด้านบนเบาๆ ให้แกนเขยื้อนลงล่าง จากนั้นดึงออกแล้วดันฮุกขึ้น นำมาต่อวางเรียงไว้จนครบ 6 จุด(ส่วนจุดยึดด้านล่าง 3 ตัว ให้สลับด้านขึ้นหลังจากตอกแกนฮุกลงมาแล้วให้นำคีมดึงแกนออกมา เนื่องจากพื้นที่ด้านล่างจะแคบกว่าด้านบน) จากนั้นนำกระจังหน้าโครเมี่ยมมาทำแบบเดียวกัน
3. ถอดกรอบโครเมี่ยมเดิมออกมาทำความสะอาดเช็คคราบด้วย Sonax ออกให้หมด จากนั้นล้างด้วย Chrome Cleaner ให้เนื้อผิวลื่นมันวาว เป่าเช็ดให้แห้ง
4. นำกรอบโครเมี่ยมมาใส่กับกระจังหน้า Turbo ด้านบน 3 จุด ให้ใส่ฮุกลงไปก่อนแล้วตามด้วยแกนกลางจากนั้นตอกแกนลงไปให้เสมอฮุก ทำจนครบทั้ง 6 จุด ส่วนกระจังหน้าโครเมี่ยมก็ทำแบบเดียวกันครับนำกรอบ Turbo มาใส่ประกอบกลับเข้าที่เป็นอันเสร็จขั้นตอนครับ

หมายเหตุ : กระจังหน้า Turbo (หมากรุก) 740 ปี 90 หน้าแว่นเป็นของแท้มือสองสภาพ 95% Volvo 1369621 Made in France




วอลโว่ 740 760 940 960 S90, 850 S60 S80 V70 C70, XC70 90, เปลี่ยนกรอบกระจังหน้า Turbo, ย้ายกรอบโครเมี่ยม, กระจังหน้าหมากรุก, ชุดแต่งกระจังหน้า, กระจังหน้าเทอร์โบ, ลายหมากรุกกรอบโครเมี่ยม, กระจังหน้า R, R Design Volvo

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=jtdw4tJ0EbA" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=jtdw4tJ0EbA</a>

ระบบเดิมเป็น R12 : รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี 96
- แรงดัน + ความร้อนต่ำกว่ามาก แอร์จะเย็นกว่า ปัญหาการรั่วซึมน้อยกว่า
- ไม่สามารถเติม R134a ได้
- หากต้องการเปลี่ยนเป็นเติม R134a จะต้องเปลี่ยน คอยล์เย็น (ตู้แอร์) ---> ไดเออร์ ---> น้ำมันคอมแอร์ ---> คอมแอร์ (คอมเพรสเซอร์) เปลี่ยนเฉพาะซีลโอริงจากเดิม NBR เป็น RBR ---> แผงคอยล์ร้อนจะใหญ่กว่าของเดิม (รังผึ้งแอร์/คอนเดนเซอร์) ---> สวิท ข้อต่อ วาล์วหัวเติม สายอ่อน ท่อแอร์ทั้งหมด ---> คลีนทั้งระบบ  เพื่อให้รองรับกับน้ำยาแอร์ตัวใหม่เท่านั้น
- ทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนของโลก (CFC)
- อะไหล่ น้ำยาแอร์ หายาก และแพงกว่า

ระบบเดิมเป็น R134a : รถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 96
- สามารถเติม R12 ได้เลย เพียงแค่เปลี่ยนน้ำมันคอมแอร์เป็น R12 + ไล่น้ำยาของเก่าออกให้หมดเท่านั้น
- ดูดความชื้นในระบบได้มากกว่า โอกาสการเกิดสนิมภายในระบบจึงเกิดขึ้นได้ง่าย
- แรงดัน (Hi ดีกว่า) + ความร้อนสูงกว่า ถ้าไม่เปลี่ยนชุดอุปกรณ์ให้ตรงตาม R134a โอกาสรั่วมีสูง เพราะมีโมเลกุลที่ละเอียดเล็กกว่ามาก
- พัดลมหม้อน้ำทำงานเร็ว+มากขึ้น
- ควรเพิ่มพัดลมหน้าแผงรังผึ้งแอร์ เพื่อระบายความร้อนได้เร็วขึ้น ยืดอายุชิ้นส่วนภายในต่างๆ
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า และลดปัญหาภาวะเรือนกระจก
- อะไหล่ น้ำยาแอร์ หาซื้อง่าย และถูกกว่า

หมายเหตุ
- คอมแอร์ถ้าเปลี่ยนเบอร์ที่สูงขึ้น หรือลูกใหญ่ขึ้น ทำให้ฉุดกำลังเครื่อง ส่งผลให้เครื่องทำงานหนัก สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น
- แผงรังผึ้งแอร์แบบอลูมิเนียมจะระบายความร้อนได้เร็ว และแอร์เย็นไว
- ไม่ควรเติมน้ำยาผสม หรือรวมกัน
- ที่ฉลากคอมแอร์ / แผงรังผึ้งแอร์ / ตู้แอร์ / สายท่อ จะระบุชนิดน้ำยาแอร์ที่จะเติมไว้ว่าเป็นแบบไหน ***กรณีระบบไม่ได้มีการดัดแปลงมา R12 จะเป็นเกลียวหมุน (รูไม่เสมอกัน มีบ่าด้านใน) ส่วน R134a จะเป็นแบบจุ๊บบ็อค (ปาก+ก้นรู ขนาดเท่ากัน)***
- หัวน็อตยึดท่อสายน้ำยาแอร์ทุกจุดของ R134a (ตัวใหม่) จะเป็นเบอร์ 10 ส่วนหัวน็อตยึดของ R12 (ตัวเก่า) จะเป็นเบอร์ 12
- การแปลงหัวข้อต่อเข้าคอมแอร์ หรือแผงรังผึ้งแอร์ ช่างจะต้องมีความชำนาญ เพราะโอกาสรั่วมีสูง ***การไม่มีจุดเชื่อมต่อดีที่สุด ลดการรั่วซึมได้เป็นอย่างดี***
- ควรใช้น้ำมันคอมแอร์ให้ตรงรุ่นกับคอมแอร์ R12 หรือ R134a ตรงตามระบบที่เราใช้งานเท่านั้น
- หากระบบเดิมเป็น R12 ต้องการเปลี่ยนเฉพาะแต่คอมแอร์เป็นแบบ R134a และยังต้องการใช้ระบบเดิมอยู่ ให้ใช้น้ำมันคอมแอร์เป็นแบบ R12 เท่านั้น
- หากระบบเดิมเป็น R12 ต้องการเปลี่ยนระบบเป็น R134a ให้เปลี่ยนชุดอุปกรณ์เพื่อรองรับ R134a ข้างต้น และต้องการใช้คอมแอร์ R12 แบบเดิม จะต้องเท ล้างน้ำมันคอมแอร์เก่าให้เกลี้ยง (ใช้น้ำมันคอมแอร์ R134a แทน) + เปลี่ยนซีลโอริง (RBR) + ไล่ระบบใหม่ทั้งหมด

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง :
- สรุปข้อดี-ข้อเสีย คอมแอร์รถยนต์แบบลูกสูบ vs โรตารี่ อย่างไหนดีกว่ามาดูกันครับ
- DIY เช็ค+เติมน้ำยาแอร์รถยนต์เอง มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง
- วอลโว่ 960 เพิ่มพัดลมเป่า 14" หน้าแผงรังผึ้งแอร์ (คอยล์ร้อน)
- diy ลองหัดเปลี่ยนแผงรังผึ้งแอร์หน้ารถ(คอยล์ร้อนรั่ว) ทำเองได้ประหยัดไม่ยากครับ





จะรู้ได้อย่างไรว่ารถเราเติมเป็นน้ำยาแอร์เบอร์ R12 หรือ R134a, คอมแอร์ คอมเพรสเซอร์ R134a เติมน้ำแอร์ R12 ได้ไหม, แผงรังผึ้งแอร์ คอยล์ร้อน คอนเดนเซอร์ R134a เติมน้ำยาแอร์ R12 ได้ไหม, ใครเคยเปลี่ยนน้ำยาแอร์รถยนต์จากเบอร์ R12 เป็น R134a บ้าง, ระบบเป็น R12 สามารถใช้ตู้แอร์ ไดเออร์ คอมแอร์ รังผึ้งแอร์ สวิท ข้อต่อ วาล์วหัวเติม สายอ่อน ท่อแอร์เป็นของ R134a ได้เลย, น้ำยาแอร์ R12 กับ R134a ตัวไหนเย็นกว่า, คอมแอร์ R134a ไปใช้กับระบบ R12 ต้องใช้น้ำมันคอมแอร์ชนิดไหน, คอมแอร์ R12 เติมน้ำยาแอร์ R134a ได้ไหม

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

โอ้อยากได้มากเลยอะโดนใจเลย

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

อาการเกียร์ค้างที่ P มีสาเหตุ และวิธีแก้ไขอย่างไรมาดูกันครับ

สาเหตุ
1. จอดบนทางลาด เข้าเกียร์ P ไว้ โดยไม่ได้ดึงเบรคมือขึ้น และตั้งพวงมาลัยไม่ตรง
2. ฟิวส์/ไฟเบรคหลังรถขาด/ไม่ติด/ไฟไม่เข้ากล่อง
3. สวิท/ปลั๊กไฟตรงหลังคันเบรคเสีย ขั้วสกปรก ไฟเดินไม่สะดวก / คันหลังแป้นกับสวิทไม่ชน/เหลื่อมกัน
4. โซลินอยด์ล็อคคันเกียร์ขายึดหัก/เสีย/ไม่ทำงาน
5. กล่องวงจรควบคุมการเลื่อนเกียร์ (ใต้แป้นเกียร์) สายไฟ  ตัว C (บวม แตก เยิ้ม ละลาย)  เส้นทองแดงบนแผงวงจรชำรุด/ขาด

การแก้ไข
1. ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องจอดบนทางลาด/ชัน หน้าขึ้น/ลง ก่อนดับเครื่องให้เหยียบเบรค ---> ดึงเบรคมือขึ้นให้สุดทุกครั้ง --->  เข้า P และตั้งพวงมาลัยให้ตรงกันคอล็อค ก็จะแก้ปัญหาอาการเกียร์ล็อค/ค้างได้
2. เช็คฟิวส์/ไฟเบรค/หลอดไฟ หลังรถว่าเหยียบติดไหม
3. เมื่อสตาร์ทรถ เหยียบเบรคย้ำๆ จะได้ยินเสียงดังแต๊กๆๆๆ (โซลินอยด์ทำงาน) บริเวณคันเกียร์ ถ้าไม่ได้ยินให้เช็คสวิท/ปลั๊กไฟตรงหลังแป้นเบรคก่อน สาเหตุหลักมาจากจุดนี้ ให้ทำความสะอาดจุดปลั๊กเสียบหางปลา ใช้กระดาษทรายขัดล้างด้วยโซแนค (Sonax)/เปลี่ยนสวิท
4. เช็คโซลินอยด์โดยการจ่ายไฟว่าแกนดึงเข้า-ออกปกติไหม และเช็คระยะห่างของแกนว่าเข้าสุด ออกสุดตรงตามตำแหน่งเดิม หรือไม่
5. กล่องวงจรควบคุมการเลื่อนเกียร์ ให้สังเกตุอย่างละเอียดทั้ง สายไฟ  ตัว C (ใช้หัวแร้งจี้ที่ขาออกจากแผงวงจร ด้วยความระมัดระวัง เอาตัวอย่างหาซื้อได้ตามร้านอิเล็คทรอนิกส์ทั่วไป)  และเส้นทองแดงบนแผงวงจร (หากเส้นขาดใช้สายไฟเชื่อมบัดกรีที่หัวท้าย)

แนะนำ
- รถยนต์บางรุ่นเมื่อเข้าเกียร์ N ดับเครื่องแล้ว ไม่สามารถดึงกุญแจออกได้ ต้องเข้า P เท่านั้นจึงจะสามารถดึงกุญแจออกได้ (เป็นระบบเซฟตี้) จากนั้นจึงเสียบกุญแจ/กดที่ชิพล็อค (Shift Lock) แล้วเลื่อนมายัง N  บางเคสก็ใช้วิธีการปลดล็อคโดยการถอดฝาครอบรูเสียบกุญแจออก สังเกตุปลั๊กสายไฟ จะเสียบที่ท้ายรูกุญแจด้านนอก เมื่อดึงออกแล้วก็จะสามารถจอดรถที่ตำแหน่ง N และดึงกุญแจออกได้ตามปกติ แต่ก่อนสตาร์ทให้เช็คตำแหน่งเกียร์ทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย
- สำหรับบางเคสไม่สามารถสตาร์ทรถที่ตำแหน่ง N/P ได้ ให้กดชิพล็อคสลับไปยัง N/P ใหม่อีกครั้ง ***หน้าคอนแท็คไม่สัมผัส/ไม่เข้าล็อค, รถจะไม่สามารถสตาร์ทที่ตำแหน่งเกียร์ R N(บางรุ่นต้องเหยียบเบรค จึงจะสามารถสตาร์ทได้ตามปกติ) D 2 1 L***

เคสนี้เป็นวอลโว่ 240 วาง 1j ge ฝาขาว : เริ่มจากสตาร์ทรถ เหยียบเบรคย้ำๆ (ไม่มีเสียงดังแต๊กๆ ที่เกียร์) ---> เหยียบเบรคเช็คไฟเบรคท้ายติดไหม (เคสนี้ทำคนเดียวเลยใช้ดัมเบลช่วยครับ  แต่ไฟไม่ติด) ---> เปิดฝาใต้คอพวงมาลัย จะเห็นสวิทคันเบรค ดึงสายไฟทั้ง 2 เส้นออก เอามาแตะกัน (เป็นการเช็คสวิท) ---> ฟังเสียงที่เกียร์อีกครั้ง (เงียบเหมือนเดิม) เช็คไฟเบรคหลังรถอีกครั้ง (ไม่ติดเหมือนเดิม) ดังนั้นหลอดไฟเบรค กับสวิทคันเบรคไม่ได้เสีย ---> ต่อไปเช็คโซลินอยด์กับกล่องควบคุมเกียร์ ---> ขายึดโซลินอยด์ปกติไม่ได้หัก จ่ายไฟเข้าโดยตรงก็ชักเข้า-ออกสุดปกติเช่นกัน ส่วนแผงวงจรหน้า+หลังเช็คอย่างละเอียดไม่พบร่องรอยตัว C เสียหาย / ลายทองแดงบนแผงวงจรไม่ชำรุดแต่อย่างใด ตัดประเด็นนี้ออกไปได้เลย ---> ต่อไปเช็คกล่องฟิวส์ควบคุมระบบไฟในรถ ไล่ถอดออกมาทำความสะอาดทีละตัว ทั้งหมด 16 ตัว พบไม่ปกติ 2 ตัว ---> ตัวแรกที่เห็นชัดเจนคือฟิวส์ขาดได้มีการนำทองแดงมาพันไว้ (ตัวนี้ควบคุมไฟเพดาน) ยังใช้งานได้ปกติ แต่ได้นำมาบัดกรีให้ไฟเดินสะดวกมากขึ้น ส่วนอีกตัว หรือตัวปัญหา เมื่อมองตาเปล่าจะพบว่าปกติ แต่เมื่อแกะออกมาจะพบว่าขั้วหัว-ท้ายที่ฟิวส์ กร่อน ขึ้นคราบขาวๆ ลักษณะเหมือนหินปูน ตามภาพ จึงได้เปลี่ยนใช้ฟิวส์สำรอง ---> ทดสอบใช้งานอีกครั้งพบว่าเมื่อเหยียบเบรคย้ำๆ เสียงแต๊กๆ ดังที่เกียร์เหมือนเดิมแล้ว ไฟเบรคกลับมาติดเหมือนเดิม สรุปงานนี้แก้ไขไปได้อีก 1 เคส ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ กลับมาใช้งานได้ตามปกติ ดังเดิม     




เกียร์ออโต้ (Auto) เข้า P แล้วค้าง, เกียร์ค้างที่ P, เลื่อนเกียร์ไม่ได้, เข้าเกียร์ไม่ได้, เหยียบเบรค กดปุ่มที่หัวเกียร์ แล้วออกจาก P ไม่ได้, เลื่อนเกียร์มา R ไม่ได้, กดปุ่มล็อคเกียร์จาก P ไป R ไม่ได้, จอดบนทางลาด เข้า P ไม่ได้ยกเบรคมือ, เปลี่ยนเกียร์ P ไปเกียร์อื่นไม่ได้, ขา โซลินอยด์เกียร์หัก ไม่ทำงาน, สวิทคันเบรคเสีย, ไฟเบรคท้ายไม่ติด หลอดขาด, ฟิวส์ควบคุมไฟเบรคหลังขาด ไฟไม่เข้ากล่อง , รูมออโต้พาร์ท, room autoparts, บอร์ดอะไหล่รถยนต์

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

ใครจะเป็นแฃมป์ปีนี้มาเดากันไว้ก่อนเลยดีกว่า

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=fFYpaY4XZ-Y" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=fFYpaY4XZ-Y</a>

อาการ : เริ่มจากเมื่อตอนที่ได้รถมา สตาร์ทยาก ลากรอบยาว พอขับแล้วปล่อยคันเร่ง จะมีอาการสั่น เบา และเกือบดับทุกครั้ง เป็นทั้งแก๊ส และน้ำมัน

แก้ปัญหา :

1. เริ่มต้นจากการเช็คหัวเทียนก่อนลำดับแรก โดยถอดฝาครอบ หม้อกรองอากาศ ท่อแก๊ส+น้ำ สายคันเร่ง+คิกดาวน์ ปลั๊กสายไฟ และลิ้นปีกผีเสื้อออก

2. ถอดสายปลั๊กคอยล์หัวเทียนออกทีละหัว จนครบทั้ง 6 หัว จะพบว่ามีน้ำมันที่ซึมมาจากซีลฝาครอบวาล์ว ไหลลงไปในช่องใส่หัวเทียน รวมถึงท่อน้ำที่เสียบอยู่กับลิ้นปีกผีเสื้อ ก็อยู่ใกล้กับช่องใส่หัวเทียนเลยทำให้น้ำยาคูแลนด์ไหลลงไปในช่องใส่หัวเทียนด้วยเช่นกันตามภาพ เบ็ดเสร็จพบแทบเกือบทุกหัว จะหนักสุดที่ 2 หัวสุดท้าย (นับจากด้านในออกมา)

3. เดิมทีใช้ตัวบีบดูด แต่มันอยู่ลึกกว่าที่คิด เลยต้องใช้หลอดยาวต่อเข้ากับเครื่องดูดฝุ่นดูดแทน ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก น้ำมันกับน้ำถูกดูดออกมาจนหมดทุกช่อง รวมถึงเศษคล้ายๆ ดินที่อยู่รอบๆ หัวเทียนในแต่ละหัวก็ออกมาหมดด้วยเช่นกัน เล่นเอาซะเหนื่อยเลยเพราะต้องปีนขึ้นไปเหยียบบนห้องเครื่องเลย ไม่งั้นมองไม่เห็นช่องที่จะดูด จากนั้นก็ทำความสะอาดในแต่ละช่องให้แห้งสนิท อย่าให้เหลือเศษดินตะกอนใดๆ ทั้งสิ้น ช่องอาจจะเล็กไปหน่อย ต้องหาด้ามต่อเพื่อเช็ดตามซอกตามมุมต่างๆ อย่าลืมทำความสะอาดที่ปลั๊กคอยล์ด้วยน่ะครบ

4. ถัดมาก็จะเป็นการถอดหัวเทียนออกมาทีละหัว จนครบทั้ง 6 หัว สภาพแต่ละหัวดูไม่ได้เลยครับทั้งดำ สกปรก และสนิม แต่การเผาไหม้จากทั้ง 6 หัวเมื่อเทียบแล้วถือว่าโอเคเลยครับ  ให้เอาเครื่องดูดฝุ่นดูดเก็บในแต่ละช่องอีกรอบน่ะครับเพราะยังมีเศษหลงเหลืออีกนิดหน่อย เครื่องตัวนี้เจ้าของเดิมวางมาได้ประมาณปีกว่าๆ ได้เอาหัวเทียนไปเทียบซื้อที่ร้าน ทางร้านแจ้งว่าน่าจะเป็นของแท้ญี่ปุ่นติดเครื่องมาเลย(สีฟ้า) ทางร้านมีหัวเทียนแบบเข็ม(สีเขียว) NGK BKR5EP ใช้ได้เหมือนกัน ก็เลยจัดมา 6 หัว @ 120.-       

5. ก่อนใส่หัวเทียน ให้ขันน็อตทุกตัวที่ฝาครอบวาล์วให้แน่นพอตึงมืออีกครั้ง ปรากฎว่าน็อตแต่ละตัวหมุนง่ายมากเลยครับ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำมันไหลเข้าช่องใส่หัวเทียนได้ จากนั้นก็ใส่หัวเทียนชุดใหม่ลงไปให้ครบ ทั้ง 6 หัวขันพอตึงมือเช่นกัน หมวกปิดตรงหัวปลั๊คคอยล์ เมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้ขอบยางแข็งน้ำสามารถไหลผ่านลงไปในช่องใส่หัวเทียนได้ ให้นำซิลิโคนทาบางๆ รอบขอบปีกหมวกแล้วเสียบหัวเทียนเข้าในแต่ละช่องตามปกติ จากนั้นประกอบกลับ เป็นอันเสร็จครับ

ผลที่ได้รับ : สตาร์ทติดง่ายมาก แรงอัดเร่งดีกว่าเก่า กดคันเร่งหรือผ่อนไม่มีอาการสั่น เบา หรือใกล้ดับให้เห็นอีก กลับมาใช้งานได้ตามปกติทั้งแก๊ส และน้ำมัน

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง : DIY ซีลฝาครอบวาล์ว แก้อาการน้ำมันเข้าช่องหัวเทียน กำลังอัดลด 1-2JZ GE GTE VVTI





ร่วมแชร์ประสบการณ์ D.I.Y. พบปะ แลกเปลี่ยน พูดคุย ซื้อขาย รถยนต์ทุกยี่ห้อได้ที่ รูม ออโต้พาร์ท

ขอบคุณครับ

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

อีก 1 เคสเป็นของ 2JZ GE VVTI LPG หัวฉีด ได้มีการล้างลิ้นปีกผีเสื้อ และมอเตอร์เดินเบาเช่นกันครับ เอามาให้ดูกัน อันนี้มีการล้างระบบน้ำภายในเครื่องทั้งใหม่หมดครับ เนื่องจากหม้อน้ำเดิมสกปรกมากครับ สำหรับท่านใดจะลองไม่ทำเองก็ได้น่ะครับ ได้ความรู้ ประหยัดเงินด้วยครับ

ติดตามสมาชิกที่ให้ Thank You ไปยังโพสต์ของคุณ:

หน้า: [1] 2
26 เม.ย. 2024
18:36
Today : 32081
Total : 43654713
หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว สมาชิกจะสามารถโพส หรือตั้งกระทู้ได้ตามปกติ ทุกหมวดหมู่ครับ
roomautoparts@hotmail.com | me
2014 Room Autoparts All Rights Reserved