หลังจากที่เฝ้าสังเกตมานานหลังจากสตาร์ทเครื่องแต่ละครั้งสรุปลำดับอาการได้ดังนี้ครับ
1. เช้ามาถ้าเราสตาร์ทรถครั้งเดียวติด(ยังไม่เปิดแอร์) ปล่อยเครื่องเดินทิ้งไว้เรื่อยๆ สัก 30 นาที ถ้ารถไม่ดับเองไปก่อน จะสามารถขับไปใช้งานข้างนอกได้ตามปกติ(เปิดแอร์ได้ไม่เป็นไร) ตอนจอดรถแวะทำธุระต้องไม่จอดทิ้งไว้นานเกิน 2-3 ชั่วโมง จะกลับมาใช้งานต่อได้ตามปกติเช่นกัน กลับมาบ้านจอดรถทิ้งไว้ข้ามคืนรุ่งเช้าก็จะสตาร์ทง่ายครั้งเดียวติด
2. หากเช้ามาวันไหนสตาร์ทรถครั้งเดียวติด แอร์ยังไม่เปิด และปล่อยเครื่องเดินทิ้งไว้เรื่อยๆ แล้วรถดับไปเอง(ไฟจะโชว์ขึ้นที่หน้าปัทม์ทั้งหมด) พอจะสตาร์ทใหม่ต้องสตาร์ท 2-3 ครั้งจึงจะติด ถึงแม้ว่าเราจะดับเครื่องอีกครั้งแล้วสตาร์ทใหม่ครั้งเดียวติดก็ตาม แต่ถ้ามาสตาร์ทเช้าวันรุ่งขึ้นต้องมี 2 ครั้งทุกครั้ง
3. เช้าวันไหนสตาร์ทครั้งเดียวติด แล้วค่อยเปิดแอร์ ระหว่างที่เครื่องเดินตามปกติ แล้วเราแตะคันเร่งไปด้วย หากช่วงผ่อนคันเร่งแล้วเครื่องดับไปเอง คราวนี้จะสตาร์ทให้กลับมาติดค่อนข้างยากต้องมีอย่างน้อย 8-10 ครั้ง หรือมากกว่า ช่วงที่ขณะสตาร์ทก็จะมีอาการคล้ายสำลักเหมือนเครื่องจะติดบ้าง ดังปุดๆ ออกที่ท่อไอเสียบ้าง ***ตรงนี้ถ้าหากสตาร์ทเกิน 3-4 รอบไม่ติด ผมจะหยุดสตาร์ทแล้วก็ทิ้งช่วงไปเลย แล้วค่อยกลับมาตาร์ทใหม่ ต้องสตาร์ท 2 ครั้งจึงจะติดตามปกติ***
4. ผมจะสังเกตอาการถ้าสตาร์ทครั้งแรกติดช่วง 5 นาทีแรกเครื่องจะยังไม่ดับเพราะรอบยังสูงอยู่ หลังจากนั้นก็จะสังเกตเครื่องว่ามีสะดุดไหม มีเสียงปุดๆ ที่ท่อไหม ถ้าไม่มีไม่ดับแน่นอน(นานๆ ที เอาแน่เอานอนไม่ได้) แต่ถ้ามีก็จะเลี้ยงคันเร่งให้รอบสูงไว้ก่อน 2,500-3,000 รอบอันนี้ช่วยได้แน่นอน แต่ยังไม่ต้องเปิดแอร์
หมายเหตุ
- เป็นทั้งน้ำมัน และแก๊ส ขณะทดสอบจะสตาร์ทน้ำมันทุกครั้ง เคยสลับมาแก๊สผลคืออาการสะดุด เสียงปุดๆ ที่ท่อจะเห็นชัดเจนมากกว่าน้ำมัน
- อาการอื่นๆ ที่สังเกตุได้นอกเหนือจากวาล์วดัง เครื่องสะดุด และเสียงปุดๆ ที่ท่อ คือ หากสตาร์ทหลายครั้งแล้วติดรอบจะแกว่งมีสวิงบ้างบางครั้ง แล้วกลับมาปกติ, เข้า D เหยืยบเบรค จะมีคลื่นสั่นตามรอบเครื่องรู้สึกได้ ถ้าเข้า N หรือ P ก็จะหายไป, มักจะดับตอนช่วงเปิดแอร์ หรือขณะเลี้ยวต้องเลี้ยงคันเร่งช่วย