ผู้เขียน หัวข้อ: 6 วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก  (อ่าน 7795 ครั้ง)

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
6 วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก
« เมื่อ: เมษายน 10, 2017, 02:06:47 PM »


เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2560 กรมอุตุนิยมวิทยาเผยแพร่ข้อมูลพยากรณ์อากาศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระบุการคาดหมายลักษณะอากาศในช่วงวันที่ 13-17เม.ย.60 บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรงบางพื้นที่ สําหรับลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกําลังปานกลางในช่วงวันที่ 13-17 เม.ย.60ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงโดยหลีกเลี่ยงการอยู่ที่โล่งแจ้ง อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่ไม่แข็งแรง และฟ้าผ่าในระยะนี้ไว้ด้วย
จากการประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เราก็เลยมีเทคนิคดีๆในการขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตกมาให้ผู้อ่านทุกท่านดังนี้
1. ตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียดก่อนออกเดินทาง เบรก พวงมาลัย ระดับของเหลวต่างๆ ปริมาณลมยาง และระบบไล่ฝ้าควรได้รับการตรวจสอบว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานสำหรับการเดินทาง
2. ตรวจสอบที่ปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งาน หากใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพหรือชำรุด ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
3. ใส่ใจในการขับขี่และรักษาระดับความเร็วให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอยู่เสมอ การขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่น้ำฝนอาจก่อตัวเป็นแผ่นน้ำบางๆ คั่นกลางระหว่างล้อและถนน ทำให้ความสามารถในการยึดเกาะถนนลดลง ผู้ขับขี่จึงควบคุมรถได้ยากขึ้น
4. เปิดไฟหน้ารถขณะฝนตก เมื่อต้องขับรถในขณะฝนตกให้เปิดไฟหน้ารถเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้นแล้ว ยังช่วยให้รถคันอื่นมองเห็นรถผู้ขับได้จากระยะไกลด้วย
5. หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำลึก ผู้ขับรถไม่มีทางทราบได้เลยว่าภายใต้ผิวน้ำนั้นมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากขับลงไปยังแอ่งน้ำด้วยความเร็วสูง กันชนหน้าและหม้อน้ำอาจจะถูกกระแทกจนได้รับความเสียหายร้ายแรง หรือถ้าคลื่นน้ำซัดเข้ามาในห้องเครื่องก็อาจจะทำให้เครื่องยนต์ดับได้
6. ขับช้าๆ เมื่อต้องฝ่าน้ำท่วม หากจำเป็นต้องขับฝ่าน้ำที่ท่วมขังบนพื้นถนน ให้ขับไปอย่างช้าๆ อย่าขับรถฝ่าน้ำที่กำลังไหลอยู่ หรือหากไม่ทราบว่าแอ่งน้ำนั้นลึกขนาดไหน ควรหยุดรถก่อนที่จะถึงบริเวณน้ำท่วมและตรวจสอบความลึกของน้ำ ซึ่งโดยทั่วไป ถ้าระดับน้ำสูงกว่าขอบประตูรถหรือสูงกว่า 1 ใน 3 ของล้อเมื่อวัดจากพื้นถนน ไม่ควรขับฝ่าไปอย่างเด็ดขาด

แต่ทุกๆอย่างผู้ขับรถยนต์ต้องมีสติและต้องไม่ประมาทในการขับรถยนต์ หรือถ้ามือใหม่ที่เพิ่งขับรถยนต์หรือรุ่นใหญ่แล้วละก็ อย่าลืมต้องมีประกันรถยนต์ไว้ให้กับรถคันโปรดของคุณด้วย โดยสมัยนี้หาซื้อได้ง่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์แล้ว เข้าไปเลยที่ www.OOHOO.io ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที ประกันรถยนต์ชั้น1 หรือชั้นอื่นๆก็มีหมดทุกชั้นประกัน ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัยในวันฝนพร่ำนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2017, 10:05:03 AM โดย automight »

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
อย่าลืมอ่านบทความดีๆกันนะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 10, 2017, 02:12:36 PM »
อย่าลืมอ่านบทความดีๆกันนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 10, 2017, 04:36:12 PM โดย automight »

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด

   สวัสดีครับช่วงนี้ใกล้เทศกาลสงกรานต์แล้ว หลายคนที่เข้ามาทำงานหรือเรียนอยู่ในกรุงเทพ ก็ต่างมุ่งหน้าเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดกันทั่วหน้า โดยต้องวางแผนการเดินทางกลับกันด้วยนะครับมิเช่นนั้นจะพลาดพลังลืมของ สภาพของรถไม่พร้อมหรือเส้นทางการจราจรติดขัด อาจทำให้การกลับถึงบ้านล่าช้าได้ วันนี้เลยมาช่วยคุณวางแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย

   เริ่มแรกด้วยการกำหนดวันที่จะเดินทางไปและกลับ วันเดินทางไปและกลับถือเป็นสิ่งที่สำคัญในการวางแผนการเดินทาง เพราะเราจะทราบได้ว่า เราจะเดินทางไปวันไหนอย่างไร หากมีรถยนต์ส่วนตัวก็จะได้กำหนดเวลาออกเดินทาง ดูสภาพการจราจร ศึกษาเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเวลาหรือเส้นทางที่การจราจรติดขัดได้

   ประการที่สองที่ต้องเตรียมพร้อมนั่นก็คือยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นรถยนต์ อย่าลืมนำรถไปตรวจเช็คสภาพ เตรียมยางอะไหล่ เช็คคู่มือประกันภัยรถยนต์ เอกสารสำคัญต่างๆ อันนี้ขอแนะนำเพิ่มเติมควรเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ใต้คอนโซลของรถ เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะสะดวกในการใช้งาน

   ประการที่สามเตรียมตัวสำหรับเหตุไม่คาดฝัน เช่นอุบัติเหตุจากการเดินทาง ยางระเบิด หรือขับรถเชี่ยวชนผู้ร่วมเดินทาง อย่างไรก็ดีหากเรามีสติก็จะทำให้เราปลอดภัยในการเดินทาง หรือจะทำ ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ก็เป็นสิ่งที่ดีที่รถคุณควรมีเพราะคุ้มครองทั้งเราและคู่กรณี แต่หากใครยังไม่มีประกันภัยรถยนต์ไว้ให้รถคันโปรดของคุณ ก็อย่าลืมเข้ามาอ่านรายละเอียดของข้อมูลประกันภัยได้ที่ www.OOHOO.io โดยสามารถซื้อประกันผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ได้เลย มีเปรียบเทียบราคาอีกทั้งราคายังถูกกว่าแบบอื่นๆอีกด้วย ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที 

   สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านเดินทางกลับถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ขับขี่ยานพาหนะอย่างมีสติ หากเหนื่อยล้าจากการขับรถก็ควรหาจุดพักรถเพื่อพักร่างกายและพักรถ เพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมเดินทางและใช้เวลาชาร์จแบตเติมพลังให้กับตัวท่านเองอย่างคุ้มค่ากับวันหยุดที่มีอยู่อย่างเต็มที่

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ประหยัดเงิน ลองสิเทคนิคการสลับยาง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 11, 2017, 09:45:28 AM »


การสลับยางเป็นวิธีดูแลรักษายางที่สำคัญ เนื่องจากยางรถยนต์เมื่อผ่านการใช้งานไปย่อมมีการสึกหรอไม่เท่ากันเพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน การสลับยางจะต้องทำให้ถูกวิธี ในที่นี้จะพูดถึงการสลับยาง 4เส้น จะไม่รวมถึงยางอะไหล่

การสลับยางสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศในเขตร้อนชื้น สำหรับรถยนต์ขับหน้า จากผลการวิจัยควรสลับยางครั้งแรกที่ 7,000 กม.หรือไม่เกิน 10,000 กม.

โดยที่การสลับยางครั้งแรก สลับหน้าไปหลัง โดยที่สลับด้านซ้ายไปขวาและขวาไปซ้าย ส่วนด้านหลังก็เอาขึ้นหน้าโดยวิธีเดียวกัน ในการสลับยางครั้งที่สอง จะสลับเพียงแค่ หน้าลงหลัง หลังขึ้นหน้า เท่านั้น

ส่วนรถยนต์ขับหลังและขับเคลื่อน 4ล้อ นั้นควรสลับยางแค่ครั้งเดียว คือที่ 7,000-10,000 กม. โดยที่ใช้การสลับยางในแบบที่ 1 ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว และหลังจากสลับยางแล้วก็ควรถ่วงล้อด้วยทุกครั้ง สุดท้ายนี้เราก็มีทางเลือกสำหรับการประหยัดเงินของคุณได้จาก การซื้อประกันรถยนต์ ผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตัวท่านเองราคาประหยัด ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที ขอฝาก www.OOHOO.io ไว้พิจารณาด้วยนะครับ

เรียบเรียงใหม่โดย Automight
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 11, 2017, 10:44:23 AM โดย admin »

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ขับรถยามค่ำคืนอย่างไรให้ปลอดภัย
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 12, 2017, 05:35:32 PM »
ขับรถยามค่ำคืนอย่างไรให้ปลอดภัย



   สวัสดีครับจะถึงเทศกาลสงกรานต์แล้ว หลายคนคงได้อ่านบทความในครั้งก่อนเรื่องการวางแผนการเดินทางไปบ้างแล้ว หลายคนได้วางแผนออกเดินทางในเวลากลางคืนเพราะอาจจะคิดว่ารถไม่ติดและอากาศก็ไม่ร้อน ครั้งนี้เลยจะมาบอกคำแนะนำในให้ผู้ขับรถยนต์หลายๆคนได้ทราบเกี่ยวกับการขับรถในเวลากลางคืน ให้ถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยกันครับ

1 เราต้องรู้สถานะตัวเองก่อนขับ
     การรู้ว่าเรากำลังเป็นอย่างไรก่อนขึ้นขับรถในยามค่ำคืนนั้นคือเรื่องสำคัญ โดยมาก สิ่งที่เลี่ยงได้ยากสำหรับการขับรถในยามค่ำคืน คือการเหนื่อยล้า บรรยากาศที่เงียบสงบนั้นชวนหลายคน "หลับใน" ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องสงสัย และถ้าคุณรู้สถานะตัวเองว่า เหนื่อย เพลีย อ่อนล้า ก็ทำให้เราหาทางแก้ เช่นการหาเพลงคึกๆมันส์ๆ ฟัง ช่วยให้กระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น ไม่มากก็น้อย หรือถ้าไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ ก็จอดข้างทาง พักผ่อนสักนิด โดยเฉพาะ หากคุณเดินทางไกล ช่วยลดความเสี่ยงได้

2 อย่าเข้าใกล้รถที่มีพฤติกรรมแปลกๆ
     เมื่อคุณเดินทางยามค่ำคืน สิ่งที่ควรจำคือ แม้คุณจะพร้อม แต่อย่างวางใจในเพื่อนร่วมทาง เพราะเพื่อนร่วมทางนี่แหละที่สำคัญที่สุด และบ่อยครั้งที่อุบัติเหตุนั้นมีเพื่อนร่วมทางเป็นส่วนสำคัญสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเวลาขับรถในยามค่ำคืนนั้น คงไม่พ้นการที่ต้องระแวดระวัง โดยเฉพาะรถยนต์ที่เดินทางไปกับเรา ซึ่งบางครั้งมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่นขับเร็วผิดปกติ หรือมีอาการเลื้อย-ส่าย ขับรถไม่ตรงเลน/กินเลน

3 มองให้ละเอียดก่อนใช้ความเร็ว
    หลายครั้งโดยเฉพาะในต่างจังหวัดนั้น ถนนจะไร้ไฟส่องทาง และเมื่อความมืดเข้ามาเยือนนั้น มันก็ทำให้การสัญจรยิ่งอันตรายมากขึ้น หลายครั้งความประมาทของอุบัติเหตุเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และความมืดถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการขับขี่ ดังนั้น พยายามมองให้ดี ถ้าไม่มีรถสวนไฟสูงก็สามารถช่วยได้ เช่นเดียวกับไฟตัดหมอก ที่ช่วยเพิ่มระยะการมองเห็นได้ โดยเฉพาะการขับขี่ในต่างจังหวัด

4  ระแวดระวังตามแยกต่างๆ
     ทางตัดและทางแยก ถือเป็นจุดสำคัญในการขับขี่ยามค่ำคืน เนื่องจากเมื่อการจราจรเบาบางจุดเหล่านี้นั้นมักจะกลายเป็นไฟเหลืองกระพริบ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จนสนใจ อันที่จริงไฟเหลืองที่ติดแทนการปล่อยสัญญาณไฟฟ คือการบอกให้ระวัง และจุดตัดต่างๆเหล่านี้ มันกลายเป็นจุดเกิดเหตุที่บ่อยๆพอๆ กับช่วงทางโค้งอันตราย ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการชะลอความเร็ว จะดีกว่า

5 เคารพกฏจราจรอย่าเคร่งครัด
    ยิ่งค่ำคืน แม้ถนนจะโล่งแต่สิ่งที่ละเลยไม่ได้คิอเรื่องของกฏจราจร หลายคนมักจะละเลยการปฏิบัติตามกฏทำให้บ่อยครั้งเป้นต้นเหตุของอุบัติเหตุ หรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุเสียเอง ดังนั้นจำไว้ว่าเคารพกฏให้มากที่สุด เพราะหากคุณไร้ซึ่งกฏโอกาสเสี่ยงก็จะเยอะขึ้นนั่นเอง

   สุดท้ายนี้ ขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางกันอย่างปลอดภัย และขอแนะนำประกันภัยรถยนต์ที่เราคิดว่าคุณควรมีติดรถยนต์ของคุณไว้อย่างมากหากเกินเหตุฉุกเฉินยามค่ำคืน โดยสามารถซื้อประกันรถยนต์ผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตัวท่านเองราคาประหยัด ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น1หรือชั้นอื่นๆ ขอฝาก www.OOHOO.io ไว้พิจารณาด้วยนะครับ

automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 17, 2017, 09:33:51 AM »
การเติมลมยางรถยนต์ให้เหมาะสม


>> การเติมลม ให้กับล้อแม็ก ต้องคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
* เติมลมตามสเปคของรถที่กำหนด โดยศึกษาได้จากคู่มือของรถนั้นๆ
* เวลาเติม ลมยาง ควรเติมตอน ยาง ไม่ร้อนเกินไป
* หากต้องการวิ่งทางไกล นานๆ ควรเพิ่มลมยางอีกประมาณ 3 - 5 ปอนด์/ตร.นิ้ว
* หมั่นเช็ค ลมยาง เป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

>> ความดันลมยาง สำหรับรถเก๋งและรถกระบะ
รถเก๋ง ความดันสูงสุด ไม่ควรเกิน 36 ปอนด์ / ตารางนิ้ว ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของรถนั้นๆ ด้วย เช่น * รถเก๋งขนาดเล็ก ความดันลมยาง ประมาณ 25 - 30 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
* รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ ความดันลมยาง ประมาณ 30 - 35 ปอนด์ / ตารางนิ้ว
* รถกระบะ ความดันลมยาง ไม่ควรเกิน 65 ปอนด์ / ตารางนิ้ว

>> การเติมลมยางมากเกินไป
* บริเวณของกึ่งกลางของหน้ายางจะสึกหรอได้ง่าย
* การรับแรงและการยืดหยุ่นด้อยลง เมื่อมีการรับน้ำหนักหรือการกระแทก ก็อาจทำให้เกิดการระเบิดของยางได้ง่าย
* การทรงตัวและการเกาะถนน ไม่ดีเท่าที่ควร

>> การเติมลมยางน้อยเกินไป
* บริเวณไหล่ยาง จะสึกเร็วกว่าปกติ แก้มยางทำงานหนัก สึกหรอได้ง่าย
* การหมุนหรือบังคับ พวงมาลัย ได้ยากขึ้น
* การทรงตังของรถในขณะขับขี่ด้อยลง

นอกจากนี้หาก ดอกยาง สึกเป็นช่วงๆ คล้ายฟันเลื่อย สันนิฐานปัญหาอาจเกิดจากศูนย์ของล้อมีความผิดปกติดังนั้นจึงขอให้ท่านเจ้าของรถ ใช้ความระมัดระวัง และต้องเข้าใจ ในการ เติมลม ทุกครั้งสุดท้ายนี้นอกจากจะได้รับคำแนะนำสำหรับการเติมลมยางให้เหมาะสมแล้ว ก็จะมีการประหยัดเงินของคุณได้จาก การซื้อประกันรถยนต์ ผ่านทางช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตัวท่านเองราคาประหยัด ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น1 หรือชั้นอื่นๆ ขอฝาก www.OOHOO.io ไว้พิจารณาด้วยนะครับ


automight

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
10ของติดรถยนต์ที่ควรมีในกรณีฉุกเฉิน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 19, 2017, 03:16:14 PM »
10ของติดรถยนต์ที่ควรมีในกรณีฉุกเฉิน

   วันนี้ขอเอาใจคนใช้รถยนต์ใช้ถนนทุกท่านเรามี 10 อย่างที่ควรมีติดรถเอาไว้ในยามฉุกเฉิน แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าฉุกเฉิน คือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันทีทันใดไม่ได้เตรียมตัวหรือตั้งใจให้เกิดขึ้นมาก่อน แต่เราสามารถเตรียมตัวนำสิ่งของเหล่านี้มาใช้ได้ในยามเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งมีดังต่อไปนี้

1. ยางอะไหล่ แน่นอนคนใช้รถยนต์ควรติดเอาไว้ เพราะเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า ถนนปลายทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อาจทำให้เกิดยางแบนได้ อีกทั้งควรตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน


2. เครื่องมือซ่อมรถ ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งหากว่ามีทุกอย่างครบแต่ถ้าไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการซ่อมบำรุงก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ต่อเลยทีเดียว โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นมีดังนี้ แม่แรงยกรถ ไขควง ประแจ มีดคัตเตอร์ เทปติดสายไฟ ที่สูบยาง อาจจะซื้อมาเป็นเซตกระเป๋าเก็บไว้ท้ายรถเลยก็ดีเยี่ยม


3. สายพ่วงแบตเตอรี่ บางครั้งขับรถไปอาจเกิดแบตเตอรี่หมด เราสามารถใช้สายพ่วงแบตเตอรี่กับรถยนต์ของท่านอื่นที่ขับผ่านมาได้
4. ไฟฉาย ในยามค่ำคืนหากเกิดเหตุฉุกเฉินยังสามารถใช้มาส่องเป็นแสงสว่างใช้ในยามจำเป็นได้ ถ้าเป็นแบบไฟฉายแบบที่คาดศรีษะจะสะดวกในการซ่อมบำรุงรถยนต์ได้
5. น้ำมันเครื่อง น้ำกลั่น ในกรณีที่น้ำกลั่นแห้งหรือน้ำมันเครื่องรั่ว เราสามารถเติมเพื่อพอประทังก่อนจะไปถึงอู่ซ่อมรถได้
6. เชือก หรือ โซ่ ใช้สำหรับลากจูงรถในกรณีที่ต้องต่อพ่วงกับรถยนต์คันอื่น ในกรณีที่น้ำมันรถหมดแล้วไม่มีน้ำมันสำรอง หรือแบตรถยนต์หมด
7. ชุดปฐมพยาบาล มีติดรถไว้ใช้ยามที่เกิดอุบัติเหตุ จะได้ปฐมพยาบาลตนเองก่อนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงและยังสามารถใช้ช่วยเหลือผู้อื่นได้อีกด้วย


8. ที่ชาร์จแบตมือถือ หากสถานการณ์มันแย่ขนาดที่ว่าไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหลืออะไรเลย หรือไม่สามารถทำเองได้ แต่มือถือที่มีอยู่ดันแบตหมด แบตสำรองหรือที่ชาร์จแบตมือถือจะมีประโยชน์มากๆสำหรับคุณ เมื่อชาร์จแบตมือถือจนพร้อมใช้งานได้แล้วก็สามารถที่จะโทรเรียกขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้หรือติดต่อประกันรถยนต์ ที่คุณสมัครไว้
9. น้ำดื่ม อันนี้ ในยามฉุกเฉินหรือเกิดเหตุอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีน้ำดื่มสะอาดไว้ในรถก็สามารถอุ่นใจได้ เพราะสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อาทิเช่นใช้ล้างมือ ล้างหน้า  ล้างแผลเบื้องต้นจากอุบัติเหตุ หรือดื่มเพื่อปะทังหิวในยามที่ไม่มีสเบียงตุนไว้ในรถ
 10. เอกสารประกันภัย ควรมีติดรถไว้อย่างยิ่ง เหตุการณ์ฉุกเฉินเราจะเผชิญได้ทุกเมื่อ หากรถคู่ใจของเราได้ทำประกันรถยนต์เอาไว้ ก็อุ่นใจได้ว่ามีการรับผิดชอบค่าเสียหายจากประกันได้อย่างแน่นอน แต่หากว่าสนใจทำประกันรถยนต์  ประกันรถยนต์ชั้น1 หรือชั้นอื่นๆ ขอฝาก OOHOO.io  ไว้พิจารณาด้วยนะครับเพราะสามารถศึกษาข้อมูลและซื้อประกันภัยผ่านทางออนไลน์ได้ด้วยตัวท่านเอง ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที

Gripenhoi

  • Newbie
  • *
  • Thank You
  • -Given: 0
  • -Receive: 0
  • กระทู้: 3
    • ดูรายละเอียด
Re: 6 วิธีขับรถให้ปลอดภัยขณะฝนตก
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2017, 04:13:33 PM »
ยังขายอยู่ไหมครับ

 

02 พ.ค. 2024
05:17
Today : 6993
Total : 43819669
roomautoparts@hotmail.com | me
2014 Room Autoparts All Rights Reserved